
ขอเลขที่จดแจ้งเครื่องสำอางให้ผ่านฉลุย ต้องเตรียมอะไรบ้าง ?

MeSpace Self Storage Specialist
หมวดหมู่ : blog
3 นาที • 6 ก.ย. 2568

การขอเลขที่จดแจ้งเครื่องสำอาง คืออะไร ?
“เลขที่จดแจ้งเครื่องสำอาง” คือหมายเลขที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกให้หลังจากที่ผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์ได้แจ้งข้อมูลผลิตภัณฑ์ผ่านระบบออนไลน์ครบถ้วน โดยข้อมูลที่ต้องระบุอย่างละเอียด ได้แก่ ส่วนผสม วิธีใช้ จุดประสงค์การใช้งาน และข้อมูลอื่น ๆ ตามที่ อย. กำหนด
เลขที่จดแจ้งนี้จะปรากฏบนฉลากผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าสินค้านั้นมีแหล่งที่มาชัดเจนและได้รับการรับทราบจาก อย. อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งแตกต่างจากขั้นตอนการจด อย. ของอาหารและยา เพราะเครื่องสำอางไม่ต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยที่เข้มงวดเท่า
3 เช็กลิสต์สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนการขอเลขที่จดแจ้งเครื่องสำอาง
ก่อนยื่นคำขอจดแจ้งเครื่องสำอาง การเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วนจะช่วยให้ขั้นตอนดำเนินไปอย่างรวดเร็วและลดโอกาสที่เอกสารจะถูกตีกลับ โดยสามารถแบ่งเช็กลิสต์ออกเป็น 3 หมวดหลัก ดังนี้
1. ประเภทของผู้ประกอบการ
สิ่งแรกที่ต้องระบุให้ชัดเจนคือสถานะของผู้ยื่นคำขอ ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
- บุคคลธรรมดา เช่น เจ้าของแบรนด์รายย่อย หรือผู้ผลิตสินค้าในนามตัวเอง
- นิติบุคคล เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือองค์กรที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย
การระบุประเภทผู้ประกอบการอย่างชัดเจนยังจะส่งผลต่อรูปแบบเอกสารที่ต้องจัดเตรียมด้วย
2. เอกสารประกอบการยื่นคำขอ
หลังจากระบุประเภทผู้ประกอบการแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการเตรียมเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน ซึ่งจะแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ดังนี้
สำหรับบุคคลธรรมดา
- หนังสือแจ้งความประสงค์เพิ่มผู้ว่าจ้างผลิต
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- สำเนาบัตรประชาชน
- หนังสือยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
- ใบทะเบียนพาณิชย์ (ถ้ามี)
สำหรับนิติบุคคล จะต้องเตรียมเอกสารทุกอย่างเหมือนบุคคลธรรมดา พร้อมกับแนบเอกสารดังต่อไปนี้เข้าไปด้วย
- หนังสือรับรองบริษัท (อายุไม่เกิน 6 เดือน)
- สำเนาบัตรประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ
- ตราประทับบริษัท (หากใช้ ต้องประทับทุกหน้า)
ข้อควรระวัง
- เอกสารทุกฉบับต้องมีลายเซ็นจริง ห้ามใช้เอกสารที่สแกนหรือเซ็นทางอิเล็กทรอนิกส์
- ตรวจสอบที่อยู่ให้ตรงกับทะเบียนพาณิชย์หรือทะเบียนราษฎร์
3. ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ต้องกรอกในระบบ
เมื่อเอกสารผู้ประกอบการพร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมข้อมูลผลิตภัณฑ์เพื่อกรอกในระบบ e-Submission ซึ่งต้องระบุรายละเอียดดังนี้
- ชื่อการค้าและชื่อผลิตภัณฑ์ (ภาษาไทย / อังกฤษ)
- สูตรส่วนผสม โดยระบุชื่อสารตามระบบการตั้งชื่อส่วนผสมเครื่องสำอางสากล (International Nomenclature of Cosmetic Ingredients) และปริมาณความเข้มข้นของแต่ละสาร
- วัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น บำรุงผิว ล้างหน้า ลดความมัน
- วิธีใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น ทาบริเวณผิวหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- ตำแหน่งการใช้ เช่น ใช้กับใบหน้า ร่างกาย หนังศีรษะ
- ลักษณะทางกายภาพของผลิตภัณฑ์ เช่น สี กลิ่น เนื้อสัมผัส
- รูปแบบการใช้ เช่น ล้างออกหรือไม่ต้องล้างออก
- เงื่อนไขการใช้ เช่น ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี
นอกจากนี้ ยังต้องเตรียมข้อมูลฉลากหรือเอกสารแนบเพิ่มเติม (ถ้ามี) รวมถึงข้อมูลด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหมวดผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ด้วย
ช่องทางการยื่นคำขอเลขที่จดแจ้งเครื่องสำอาง
ปัจจุบันการยื่นคำขอเลขที่จดแจ้งเครื่องสำอางสามารถทำได้ง่ายและสะดวกผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสำนักงาน อย. เหมือนในอดีต
ระบบ e-Submission ของ อย.
ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอผ่านระบบ e-Submission ซึ่งเป็นช่องทางหลักของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำหรับการแจ้งข้อมูลผลิตภัณฑ์ โดยสามารถดำเนินการได้ครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การลงทะเบียน กรอกข้อมูล อัปโหลดเอกสาร ชำระค่าธรรมเนียม ไปจนถึงการติดตามผลผ่านบัญชีผู้ใช้งาน
ระยะเวลาดำเนินการ
หลังจากยื่นคำขอและชำระค่าธรรมเนียมแล้ว ระบบจะเริ่มตรวจสอบข้อมูลและดำเนินการอนุมัติ โดยใช้เวลา ดังนี้
- 3 วันทำการ (พิจารณาโดย อย. ส่วนกลาง)
- 7–14 วันทำการ (พิจารณาผ่านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด)
ระบบจะแจ้งสถานะผ่านบัญชีผู้ใช้งาน เช่น รอพิจารณา อนุมัติแล้ว หรือแจ้งให้แก้ไขข้อมูล ซึ่งผู้ประกอบการสามารถดำเนินการแก้ไขและติดตามผลได้ทันทีผ่านระบบออนไลน์
ข้อควรระวังที่มักทำให้การขอเลขที่จดแจ้งเครื่องสำอางไม่ผ่าน
แม้ว่าขั้นตอนการขอเลขที่จดแจ้งเครื่องสำอางจะไม่ซับซ้อนเท่ากับการขึ้นทะเบียนยา แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดที่ผู้ประกอบการมักพบเจอ และส่งผลให้คำขอถูกปฏิเสธหรือถูกตีกลับเพื่อแก้ไขใหม่ เราจึงรวบรวมข้อควรระวังที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญ ดังนี้
1. กรอกชื่อสารผิด
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยคือการใช้ชื่อสารที่ไม่ถูกต้อง เช่น ใช้ชื่อทั่วไปหรือชื่อทางการค้า แทนที่จะใช้ชื่อ INCI (International Nomenclature of Cosmetic Ingredients) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ อย. รับรองและใช้ในการพิจารณา การกรอกชื่อสารผิดจะทำให้คำขอไม่ผ่านทันที
2. ใช้ถ้อยคำโฆษณาเกินจริงบนฉลาก
การระบุข้อความเกินจริง ถือเป็นการโฆษณาที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ. เครื่องสำอาง เพราะอาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ซึ่งจะทำให้เอกสารถูกตีกลับได้ โดยตัวอย่างข้อความที่ไม่ควรเขียนลงไปบนฉลาก แบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้
อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง
ห้ามบอกว่าผลิตภัณฑ์มีผลลัพธ์เกินกว่าความเป็นจริง อาจผิดกฎหมายเพราะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ เช่น
- ลดริ้วรอยถาวร
- ขาวทันทีใน 7 วัน
- ปลอดสารพิษ 100%
ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด
หลีกเลี่ยงคำที่อาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด เช่น
- มี อย. รับประกันความปลอดภัย (ซึ่ง อย. ไม่ได้รับรองแบบนั้น)
- ล้างสารพิษออกจากผิว
สื่อไปในทางการรักษาโรค
เครื่องสำอางไม่ใช่ยา ห้ามบอกว่าสามารถรักษาหรือป้องกันโรค เช่น
- รักษาสิวหายขาด
- ป้องกันการอักเสบของสิว
- ลดอาการระคายเคือง
- แก้ผดผื่นคัน
สื่อว่ามีผลต่อสุขภาพหรือโครงสร้างร่างกาย
ห้ามใช้คำที่บอกว่าผลิตภัณฑ์มีผลต่อสุขภาพหรือระบบร่างกาย เพราะเครื่องสำอางไม่สามารถอ้างสรรพคุณทางการแพทย์ได้ เช่น
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ต่อต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยยกกระชับผิวหน้า
- ช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัว
ข้อความที่ขัดต่อศีลธรรม หรือวัฒนธรรมอันดีงาม
ห้ามใช้ข้อความ ภาพ หรือชื่อที่สื่อไปในทางลามก อนาจาร เสื่อมเสียต่อศีลธรรม หรือส่อไปในเรื่องทางเพศ ซึ่ง อย. จะพิจารณาว่าไม่เหมาะสมต่อวัฒนธรรมไทย เช่น
- ช่วยบำรุงกาม
- เพิ่มพลังทางเพศ
- เร่งเสน่ห์แรง
3. ไม่มีแหล่งอ้างอิงความปลอดภัยของสาร
สำหรับสารบางชนิดที่อยู่ในกลุ่มควบคุมหรือไม่แพร่หลาย อย. อาจขอเอกสารอ้างอิงทางวิชาการ เช่น รายงานความปลอดภัยหรือเอกสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หากไม่มีเอกสารเหล่านี้ประกอบคำขอ อาจถูกระงับหรือไม่ผ่านการพิจารณา
4. แนบเอกสารประกอบไม่ครบถ้วน
การยื่นเอกสารไม่ครบถ้วน เช่น ขาดหนังสือมอบอำนาจ ไม่แนบสำเนาทะเบียนพาณิชย์ หรือเซ็นสำเนาไม่ครบทุกหน้า จะทำให้คำขอไม่สมบูรณ์ และระบบจะส่งกลับมาให้แก้ไข ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาการขอเลขจดแจ้งล่าช้าออกไปอีกหลายวัน
5. ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ซ้ำกับแบรนด์อื่นในระบบ
หากชื่อการค้า (Trade Name) หรือชื่อผลิตภัณฑ์ (Product Name) มีการใช้ซ้ำกับของผู้อื่นที่ได้จดแจ้งไว้แล้วในระบบ e-Submission จะไม่สามารถใช้ชื่อนั้นได้ และต้องเปลี่ยนชื่อใหม่ทันที จึงควรตรวจสอบชื่อที่ต้องการกับระบบเสียก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้น
นอกจากขั้นตอนการขอเลขที่จดแจ้งจากอย. ที่คุณควรต้องเตรียมให้ครบถ้วนแล้ว สถานที่เก็บสินค้าที่ได้มาตรฐานก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ อย. ให้ความสำคัญ สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาพื้นที่ที่ตรงตามข้อกำหนดของ อย. ขอแนะนำ MeSpace Self Storage ซึ่งให้บริการพื้นที่เก็บของพร้อมระบบปรับอากาศควบคุมอุณหภูมิตลอด 24 ชั่วโมง และระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูง
ที่สำคัญ เรามีเจ้าหน้าที่มืออาชีพคอยช่วยจัดเตรียมพื้นที่และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่เก็บของสำหรับการขอขึ้นทะเบียน อย. โดยใช้เวลาเพียง 7-14 วันทำการ หลังจากทำสัญญาและชำระเงิน สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเลือกใช้บริการได้ตาม 10 สาขาที่สะดวก ทั้งในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการขอใบเสนอราคาได้ที่เบอร์ 02-710-4088 หรือ แอดไลน์ @mespace.storage
ข้อมูลอ้างอิง
- การยื่นขออนุญาตผลิต/นำเข้าเครื่องสำอาง ด้วยตนเอง. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 จาก https://tgcthailand.com/blog/applying-for-permission-to-produce-import-cosmetics-yourself-2/.
- หลักเกณฑ์การพิจารณา การจดแจ้งเครื่องสำอาง (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564). สืบค้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 จาก https://cms-media.fda.moph.go.th/461117737616416768/2023/03/nGJ59xvipOWHCURTikNRm4Xh.pdf.

เขียนโดย MeSpace Self Storage Specialist
ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจห้องเก็บของให้เช่า ผู้เชี่ยวชาญของ MeSpace มุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ สำหรับการเก็บของของคุณ ตั้งแต่เคล็ดลับในการจัดระเบียบและ ทำความสะอาดไปจนถึงวิธีการเก็บของขั้นสูง รวมถึงให้คำแนะนำอย่างครอบคลุมเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพื้นที่เก็บของของคุณและทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น
บล็อกที่เกี่ยวข้อง