8 เทคนิคเก็บของตามฤดูกาล จัดบ้านให้เป็นระเบียบตลอดปี

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยประสบปัญหาบ้านรก เนื่องจากมีสิ่งของกระจัดกระจายเต็มไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเปลี่ยนฤดูกาลที่ดูเหมือนว่าสิ่งของต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าหนาว ของตกแต่งตามเทศกาล ตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้ตามฤดูกาลต่าง ๆ 

อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องกังวลไป เพราะเรามีเทคนิคการจัดเก็บของตามฤดูกาลที่จะช่วยให้บ้านของคุณเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งยังทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นมาแนะนำ ที่สำคัญยังช่วยถนอมสิ่งของให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นอีกด้วย

สิ่งของที่มักเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัวในแต่ละฤดูกาล

เมื่อเปลี่ยนฤดูกาลในแต่ละช่วงเวลาของปี เรามักสะสมสิ่งของโดยไม่รู้ตัว จนกองเป็นภูเขาทำให้บ้านรกรุงรัง โดยสิ่งของที่มักเพิ่มขึ้นในแต่ละฤดูกาล มีดังนี้

หน้าร้อน

•  อุปกรณ์เล่นน้ำและอุปกรณ์ทางทะเล (ห่วงยาง เสื้อชูชีพ บอร์ดโฟม)
•  ชุดว่ายน้ำหลากสไตล์และขนาด
•  เครื่องดื่มและภาชนะเก็บความเย็น (กระติกน้ำแข็ง แก้วเก็บความเย็น)
•  เครื่องใช้ไฟฟ้าระบายความร้อน เช่น พัดลมหลากหลายรูปแบบและเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ ที่ซื้อเพิ่มเมื่ออากาศร้อนจัด

หน้าฝน

• ร่มที่มักลืมไว้ จนต้องซื้อใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนมีร่มหลายคันโดยไม่จำเป็น
• รองเท้าบูตและรองเท้ากันน้ำที่ซื้อเผื่อไว้หรือซื้อตามแฟชั่น
• เสื้อกันฝนหลายตัวที่มักเกิดจากการซื้อฉุกเฉินเมื่อเจอฝนตกกะทันหัน
• ผลิตภัณฑ์กำจัดความชื้น ทั้งเครื่องดูดความชื้นและเม็ดดูดความชื้นที่วางตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน
• อุปกรณ์ทำความสะอาดพิเศษสำหรับหน้าฝน เช่น ไม้ถูพื้น ผ้าเช็ดน้ำ ที่เพิ่มขึ้นเพราะกลัวอุปกรณ์เดิมไม่พอใช้

หน้าหนาว

• เสื้อผ้ากันหนาวที่ซื้อตามเทรนด์แฟชั่นในแต่ละปี ทั้งเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ และถุงมือ
• ผ้าห่ม ผ้านวม และปลอกหมอนตามธีมเทศกาล ที่มักซื้อเพิ่มตามดีไซน์ใหม่
• อุปกรณ์ให้ความอบอุ่น ตั้งแต่เครื่องทำน้ำอุ่น ฮีตเตอร์ ไปจนถึงกระเป๋าน้ำร้อน
• ของประดับตกแต่งเทศกาลปีใหม่และคริสต์มาส ทั้งต้นคริสต์มาส ไฟประดับ และอุปกรณ์ตกแต่งต่าง ๆ

8 เทคนิคเก็บของตามฤดูกาล ถนอมของได้ แถมบ้านไม่รกด้วย

สำหรับผู้ที่อยากเก็บของตามฤดูกาลให้เป็นระเบียบ เพื่อให้บ้านมีพื้นที่เพิ่มขึ้น เรามีเทคนิคมาแนะนำ ดังนี้

1. ตั้งกฎ 1 เข้า 1 ออก

หากคุณต้องการจัดการปริมาณสิ่งของที่ซื้อเข้าบ้านไม่ให้ล้นทะลัก การตั้งกฎ 1 เข้า 1 ออกถือว่าตอบโจทย์อย่างมาก อธิบายง่าย ๆ ก็คือ หากเมื่อไรที่คุณซื้อของตามฤดูกาลชิ้นใหม่เข้ามา ให้เลือกของเก่าประเภทเดียวกันออกไปด้วย เช่น ถ้าซื้อเสื้อกันหนาวตัวใหม่เข้าบ้านหนึ่งตัว ก็ควรเลือกเสื้อกันหนาวตัวเก่าที่ไม่ค่อยได้ใส่แล้วไปบริจาคหรือขายต่อหนึ่งตัวเช่นกัน เพื่อจำกัดไม่ให้จำนวนสิ่งของในบ้านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเกินความจำเป็น

2. จัดระบบโซนนิง (Zoning) ตามความถี่การใช้งาน

การจัดการแบ่งพื้นที่เก็บของตามความถี่ในการใช้งาน จะช่วยให้หยิบใช้งานได้สะดวกและไม่ทำให้บ้านรก โดยแนะนำให้แบ่งพื้นที่เก็บของเป็น 3 โซนหลัก ๆ คือ โซน A สำหรับของใช้ประจำวัน ให้เก็บไว้ในจุดที่หยิบใช้ได้ง่าย โซน B สำหรับของใช้ในฤดูกาลปัจจุบัน เช่น เสื้อผ้าฤดูร้อนในหน้าร้อน ให้เก็บในตู้หรือชั้นวางปกติ และโซน C สำหรับของใช้ฤดูกาลอื่น ๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาใช้ ให้เก็บใส่กล่องและนำไปไว้ในพื้นที่เก็บของระยะยาว เช่น ใต้เตียง หรือบนตู้เสื้อผ้า

3. ถ่ายรูปก่อนเก็บ

เมื่อเก็บของใส่กล่อง เรามักลืมว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้าง ทางแก้ง่าย ๆ คือ ถ่ายรูปสิ่งของก่อนเก็บลงกล่อง แล้วนำรูปที่ถ่ายมาติดไว้บนกล่อง หรือถ้าอยากทันสมัยกว่านั้น ก็สร้างเป็น QR Code ที่ลิงก์ไปยังรูปภาพหรือรายการสิ่งของในกล่องนั้น ๆ วิธีนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่ามีอะไรอยู่ในกล่องไหนบ้างโดยไม่ต้องเสียเวลาเปิดดูทีละกล่อง

4. จัดวันพิเศษสำหรับจัดระเบียบพื้นที่ในบ้าน

กำหนดวันพิเศษสัก 3-4 วันต่อปีก่อนเริ่มฤดูกาลใหม่ เพื่อจัดการพื้นที่เก็บของกับของสะสมที่มี ทั้งนี้ คุณอาจชวนสมาชิกในครอบครัวมาทำกิจกรรมนี้ด้วยกัน ซึ่งนอกจากจะได้บ้านที่เป็นระเบียบแล้ว ยังได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกันอีกด้วย โดยกิจกรรมนี้ควรทำอย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือนเพื่อไม่ให้บ้านรกสะสมจนยากแก่การจัดการ

5. ใช้เทคนิค 4 กอง

เมื่อถึงเวลาจัดระเบียบบ้าน ให้ลองแยกของทั้งหมดออกเป็น 4 กอง ได้แก่ กองที่จะเก็บไว้ใช้ต่อ กองที่จะบริจาค กองที่จะนำไปขาย และกองที่จะทิ้ง โดยตั้งเป้าให้กอง "เก็บไว้ใช้" มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยเทคนิคนี้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรเก็บอะไรไว้หรือไม่ และยังช่วยลดปริมาณของที่ไม่จำเป็นในบ้านได้อีกด้วย

6. เก็บของตามฤดูกาลแบบมัลติฟังก์ชัน

หากเป็นไปได้ ให้เลือกซื้อหรือเก็บของที่ใช้ได้หลายฤดูกาล เช่น ผ้าห่มบางที่ใช้ได้ทั้งในหน้าร้อนและหน้าหนาว หรือเฟอร์นิเจอร์ที่มีช่องเก็บของในตัวเพื่อประหยัดพื้นที่ รวมถึงเสื้อผ้าที่สามารถสวมทับกันได้หลายชั้นเพื่อปรับตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดจำนวนสิ่งของที่ต้องจัดเก็บและประหยัดทั้งพื้นที่และค่าใช้จ่ายในระยะยาว

7. จัดทำบัญชีรายการ

การทำบัญชีรายการสิ่งของที่มี พร้อมระบุตำแหน่งที่เก็บและวันหมดอายุ (ถ้ามี) จะช่วยให้คุณไม่ต้องซื้อของซ้ำโดยไม่จำเป็น โดยคุณอาจใช้สเปรดชีตง่าย ๆ หรือแอปฯ บันทึกในมือถือก็ได้ โดยเมื่อคุณอัปเดตข้อมูลทุกครั้งที่ซื้อของใหม่หรือกำจัดของเก่าออกไป เมื่อถึงฤดูกาลหน้า คุณจะรู้ทันทีว่ามีอะไรอยู่แล้ว และไม่ต้องซื้อซ้ำอีก

8. ลงทุนกับอุปกรณ์จัดเก็บคุณภาพสูง

แม้จะต้องจ่ายเงินเพิ่มในตอนแรก แต่การลงทุนกับอุปกรณ์จัดเก็บคุณภาพดีจะคุ้มค่าในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นถุงสุญญากาศสำหรับเก็บเสื้อผ้าฤดูหนาวที่มีขนาดใหญ่ กล่องพลาสติกใสที่ซ้อนกันได้พร้อมระบบล็อกป้องกันความชื้น หรือตะขอและราวแขวนอเนกประสงค์ที่ช่วยให้คุณใช้พื้นที่ผนังให้เกิดประโยชน์สูงสุด อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยถนอมสิ่งของให้อยู่ในสภาพดีและพร้อมใช้งานเมื่อถึงฤดูกาลหน้า


แม้ว่าเทคนิคข้างต้นจะช่วยให้การจัดเก็บของตามฤดูกาลทำได้ง่ายขึ้น แต่หากบ้านคุณมีพื้นที่จำกัดหรือมีของใช้จำนวนมาก การเช่าพื้นที่เก็บของอาจเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า สำหรับผู้ที่สนใจ ขอแนะนำ MeSpace Self Storage บริการห้องเก็บของที่รองรับการจัดเก็บตามฤดูกาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยห้องหลากหลายขนาดที่มาพร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูงที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าสิ่งของจะคงสภาพสมบูรณ์ ทั้งยังเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้หรือจัดเก็บตามการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ปัจจุบัน MeSpace เปิดให้บริการแล้ว 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ครอบคลุมทั้งย่านพระราม 9 สยาม บางซื่อ รัชดาภิเษก และพื้นที่สำคัญอื่น ๆ หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการใบเสนอราคา สามารถติดต่อได้ที่ 02-710-4088 หรือแอดไลน์ @mespace.storage

ข้อมูลอ้างอิง

1. The "One-In, One-Out" Rule Will Keep Your Home Clutter Free, According to Pros. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.thespruce.com/one-in-one-out-decluttering-rule.
2. Organizing Tips for Your Home. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.dumpsters.com/blog/decluttering-and-organization-rules.